เลนส์ชั้นเดียว Essilor Crizal Sapphire HR Blue UV Capture (stock)

เลนส์ชั้นเดียว Essilor Crizal Sapphire HR Blue UV Capture (stock)

Regular price 5,000.00 ฿ Sale price4,000.00 ฿ ประหยัดไป 20%
/

Essilor Bluecapture Crizal Sapphire HR

เทคโนโลยีการปกป้องดวงตา BlueUV Capture ที่ช่วยป้องกันแสงสีน้ำเงินชนิดอันตรายและรังสียูวีในชีวิตประจำวันด้วยเลนส์ที่ใสสูงสุด

  • ป้องกันรังสียูวี 100% ที่ด้านหน้าของเลนส์
  • ความเคลียร์ใสในระดับสูงสุด คอนทราสต์และการมองเห็นสีไม่มีการเปลี่ยนแปลง
  • ความสวยงามของเลนส์ ไม่มีแสงสะท้อนเนื่องจากการปกป้องจากแสงสีน้ำเงินอมม่วงที่พื้นผิวของเลนส์
  • ปกป้องดวงตาจากแสงสีน้ำเงินชนิดอันตรายปกป้องได้มากกว่าถึง 3 เท่า

พร้อมกับเทคโนโลยีการเคลือบผิวเลนส์ Crizal  Sapphire HR โค้ทติ้งระดับสูงสุดของ Essilor

  • ช่วยลดแสงสะท้อนที่ผิวเลนส์โดยรอบทิศทาง 360 องศา ให้ความเคลียร์ใสของเลนส์สูงสุด
  • ปกป้องรังสียูวีที่มาจากด้านหน้าและด้านหลังของเลนส์
  • ผิวเลนส์ง่ายต่อการทำความสะอาด ลดการเกิดคราบ
  • ลดการเกิดรอยขีดข่วน

การออกแบบโครงสร้างของเลนส์เป็นแบบ Aspheric (AS)

  • ช่วยให้ลดภาพบิดเบือนด้านข้าง 
  • เพิ่มมุมมองการมองเห็นให้กว้างขวางขึ้น
  • ลดกำลังขยายของภาพช่วยให้การปรับตัวง่ายขึ้น
  • ตัวชิ้นเลนส์มีน้ำหนักที่ลดลง และมีความบางมากขึ้น

    1.50 1.60 1.67 1.74 …ตัวเลขกำกับเหล่านี้ที่เราเห็นกันในขณะเลือกชมสินค้าประเภทเลนส์แว่นตา เราเรียกว่า Refractive Index ของเลนส์ หรือถ้าให้เข้าใจอย่างง่ายๆ ก็เปรียบเสมือนกับ “วัสดุ” ที่นำมาใช้ในการผลิตเลนส์

    แรกเริ่มเดิมที วัสดุหรือน้ำยาสารตั้งต้น เหล่านี้เป็นของเหลว ก่อนที่จะถูกหลอมขึ้นเป็นชิ้นเลนส์ แต่ก็มีวัสดุบางชนิดที่สารตั้งต้นเป็นของแข็ง เช่น Polycarbonate ซึ่งเป็นวัสดุสำหรับทำเลนส์นิรภัย

    น้ำยาหรือวัสดุที่นำมาใช้ก่อนหลอมเป็นเลนส์มีด้วยกันอยู่หลายชนิดได้แก่ 

    CR39 , MR8 , MR7 , MR174 หรืออาจจะมีชื่ออื่นๆแล้วแต่บริษัทที่คิดค้นน้ำยาขึ้น

    แต่ละวัสดุเมื่อถูกหล่อขึ้นมาเป็นเลนส์จะมีคุณสมบัติของเลนส์ที่ต่างกันในแง่กำลังการหักเหแสง และความหนาบางของเลนส์ที่ได้

    วัสดุ CR39 เมื่อถูกหล่อขึ้นมาเป็นชิ้นเลนส์จะมีค่ากำลังการหักเหแสงที่ 1.5 หรือเป็นค่ามาตรฐาน

    ในขณะที่ วัสดุ MR174 เมื่อถูกหล่อขึ้นเป็นชิ้นเลนส์จะทำให้เลนส์ชิ้นนั้นมีค่ากำลังการหักเหแสงที่ 1.74 ซึ่งเป็นปริมาณที่มากกว่า

    Credit Picture https://www.optometrists.org/general-practice-optometry/optical/guide-to-optical-lenses/guide-to-high-index-lenses/

    เลนส์ที่มีกำลังการหักเหแสงที่มากกว่าจะทำให้เลนส์ชิ้นนั้นมีความหนาเลนส์ที่น้อยกว่าหรือบางมากขึ้น

    1. วัสดุ CR39 เมื่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเลนส์แล้วจะทำให้เลนส์มีดัชนีหักเหแสง Index 1.50 ความหนาของเลนส์อยู่ในระดับมาตรฐาน
    2. วัสดุ MR8 เมื่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเลนส์แล้วจะทำให้เลนส์มีดัชนีหักเหแสง Index 1.60 ความหนาของเลนส์จะมีความบางมากขึ้น 20% เมื่อเทียบกับเลนส์ที่ดัชนีหักเหแสง index 1.50
    3. วัสดุ MR7 เมื่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเลนส์แล้วจะทำให้เลนส์มีดัชนีหักเหแสง Index 1.67 ความหนาของเลนส์จะมีความบางมากขึ้น 30% เมื่อเทียบกับเลนส์ที่ดัชนีหักเหแสง index 1.50
    4. วัสดุ MR174 เมื่อขึ้นรูปเป็นชิ้นเลนส์แล้วจะทำให้เลนส์มีดัชนีหักเหแสง Index 1.74 ความหนาของเลนส์จะมีความบางมากขึ้น 40% เมื่อเทียบกับเลนส์ที่ดัชนีหักเหแสง index 1.50

    สรุปและทำความเข้าใจง่ายๆได้ว่ายิ่ง ดัชนีหักเหแสงยิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งทำให้เลนส์ที่ได้จะมีความบางและเบามากขึ้น

    Tips

    • เลนส์ที่มีค่า Index 1.50 เหมาะสำหรับผู้ที่มีค่าสายตาไม่มาก รวมถึงผู้ที่เลือกใช้กรอบประเภทกรอบเต็ม
    • เรามักเรียกเลนส์ที่มีค่า Refractive index สูงว่า เลนส์ย่อบาง เลนส์ย่อบางเหมาะสำหรับคนที่มีค่าสายตามากๆ เพื่อให้เวลาที่นำเลนส์เข้ากรอบแล้วตัวเลนส์ไม่ล้นออกนอกกรอบแว่นตา และช่วยทำให้ตัวแว่นนั้นมีน้ำหนักไม่หนักจนเกินไป
    • การเลือกกรอบแว่นตาก็เป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเลือก Index ของเลนส์เช่นกันโดยเฉพาะผู้ที่ใช้กรอบแว่นตาชนิดไร้กรอบ หรือ กรอบเซาะร่อง อาจจะต้องพิจารณาใช้วัสดุเลนส์ Index 1.60 ขึ้นไปเนื่องจากตัวเลนส์จะมีความแข็งแกร่งที่มากกว่าวัสดุเลนส์ Index 1.50 การเลือกวัสดุเลนส์ Index 1.60 ขึ้นไปจะลดความเสี่ยงในการเกิดการกระเทาะแตกของเลนส์ได้

    Recently viewed